Search NuiPik Blog ลองใส่คำดูสิค่ะ

Wednesday, December 17, 2008

เยี่ยมบ้านตายายครั้งแรกจ้า




วันที่ 17 ธันวาคม 2551
น้องปั้น แอบไปเยี่ยมบ้านคุณตาคุณยาย
เพราะคุณตาคุณยาย คิดถึงมาก
เมื่อวันวานโทรมาอ้อนหลายรอบมาก
บ่นว่าคิดถึงมาก ไม่ได้เจอหน้าตั้ง 3 วัน
และอีก 2 วันถึงจะได้มาหาอีก
นุ้ยเลยใจอ่อน เพราะเจอลูกอ้อนลูกตื้อของคุณยาย
พอไปถึง โดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า
ตายายเลยตื่นเต้นดีใจมาก
คุณยายรีบกุลีกุจอไปล้างมือ แล้วมาอุ้มทันที
ส่วนคุณตารีบถูบ้าน และไปไหว้พระบอกกล่าวขอพร
ปั้นเองก็ไม่งอแง ยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นปกติ
เล่นๆ กินๆ นอนๆ อย่างละ 2-3 รอบ
ไปอยู่บ้านคุณตาคุณยาย 4 ชั่วโมง
ถึงค่อยกลับบ้าน ตายายค่อยหายคิดถึงหน่อย

Tuesday, November 11, 2008

ฉลองครบหนึ่งเดือน





วันนี้ น้องปั้นอายุครบหนึ่งเดือนเต็ม
อากาศเย็นสบาย ออกหนาวนิดๆ
เพราะเริ่มเข้าสู่หน้าหนาวแล้ว
อากุ๊งมาแต่เช้า เพื่อจะพาน้องปั้นไหว้เจ้า
พ่อและแม่อาบน้ำให้น้องปั้น
ในอ่างน้ำใส่ใบเซียนเฉ่าและก้อนหิน
เพื่อเป็นสิริมงคลและทำให้หนักแน่น
เวลานอนจะได้ไม่ผวาบ่อย
อา๊กุ๊งตัดผมให้ เอาเศษผมไปทิ้งใต้ต้นเซียนเฉ่า
น้องปั้นไหว้ทีกง ตี่จู้เอี๋ย และอาม่า
อากุ๊งให้กำไลข้อเท้าทอง 1 คู่
ปะป๊าให้จี้รูปหนูทอง
และอาม่าฝากสร้อยคอทองคำสวยน่ารักไว้
ส่วนตอนเย็นคุณตา คุณยาย และน้าตั๋งแวะมาหา
คุณตา คุณยายตัดผมให้
เอาใส่ใบตองเพื่อนำกลับไปลอยน้ำต่อไป

Sunday, November 9, 2008

อากาศเริ่มเย็น

วันนี้ ลมหนาวเริ่มพัดมาแล้ว
น้องปั้น อายุได้ 29 วันแล้ว
อีก สองวันข้างหน้า ก็จะครบ 1 เดือน อย่างเป็นทางการ
คือวันที่ 11 พ.ย. 51
วันนั้น อากุ๊งต้องพาน้องปั้น ไหว้เจ้า
และตัดผมนิดหน่อย
จะโกนหัวหมดเลย คุณยายก็ไม่ยอม
เพราะผมใหม่จะแข็ง
หาโอกาสแวบมาเขียนบล็อกยากมาก
เพราะต้องช่วยคุณแม่ดูแลน้องปั้นตลอดเวลา
คุณตา คุณยาย ก็หลงหลานคนแรกมากๆ
มาทุกวันหยุด และก็อยากจะเอาไปเลี้ยง
ยังไง ก็ไม่ยอมให้พรากลูำกไปจากพ่อหลอก
ปะป๊า รักลูกที่สุด

Monday, October 20, 2008

น้องปั้น ขอถ่ายรูปกับคุณหมอทำคลอด


วันนี้น้องปั้นต้องไปหาหมอเด็กตามนัด
นุ้ยก็ต้องไปหาหมอสูติ เพื่อดูแผลผ่าตัดด้วย
ปั้นโดนเจาะเลือดไปตรวจเพราะมีอาการตัวเหลือง
เจ็บตัว ร้องไห้ใหญ่เลย
แต่ผลเลือดออกมา ไม่ถึงเกณฑ์ต้องส่องไฟ
ก็เลยไปต้องนอนโรงพยาบาล
ส่วนคุณแม่นุ้ย ไปพบหมอสูติ
แผลผ่าตัดก็ดูดี ไม่มีอะไร
แต่ภายในมองไม่เห็น ยังคงต้องระวังอยู่
ห้ามลุกจากเตียงเร็วๆ
น้องปั้น เอากระเช้าไปขอบคุณ คุณหมออัจฉราด้วย
และสุดท้ายก็ขอชักภาพเป็นที่ระลึกไว้
โตขึ้นจะได้รู้ว่า หมอที่ทำคลอดคือใคร
เพราะพ่อน้องปั้นรู้ชื่อหมอที่ทำคลอดตัวเอง
ว่าชื่อ คุณหมอประเสริฐศรี
แต่ไม่รู้ว่าหน้าตาคุณหมอเป็นอย่างไร

Friday, October 17, 2008

และแล้วก็เกิด รักแรกพบ


เช้ามืดวันที่ 11 ตุลาคม 2551 เวลา 03.20 น.
เพิ่งนอนไปได้แค่ 2-3 ชั่วโมงเอง
นุ้ยก็เรียก และบอกว่าน่าจะมีอาการน้ำเดิน
ต้องรีบไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้
อ้าว..คิดว่าจะคลอดอาทิตย์หน้า
ทำไม ไม่เตือนกันก่อนด้วยอาการ เจ็บท้องหว่า
ไปถึง โรงพยาบาล ก็ราวๆ 3.45 น.
พอถึงปุ๊ป ฝนก็ตกปั๊บ

Thursday, October 9, 2008

เด็กหญิงปั้น...ชัวร์

วันอังคารที่ผ่านมา 7 ตุลาคม 2551
คุณหมอนัดไปตรวจครรภ์
เพื่อดูขนาดเด็กและน้ำคร่ำ
โดยวิธีอัลตร้าซาวน์
ซึ่งครั้งนี้เป็นการอัลตร้าซาวน์ครั้งที่สอง
หลังจากที่ทำไปครั้งแรกเมื่อตอนอายุครรภ์ 8 สัปดาห์
คราวนี้ เห็นชัดเจนว่าเป็นเด็กผู้หญิงแน่นอน
หลังจากที่ครั้งแรก คุณหมอบอกว่าเป็นหญิง
แต่ไม่มั่นใจ เพราะแรงเยอะเหลือเกิน
ผลการตรวจครั้งนี้
เด็กหนักราว 3.2 กิโลกรัม น้ำคร่ำดี
หากคลอดได้ภายในอาทิตย์หน้า จะดีมาก
เพราะเด็กตัวไม่ใหญ่เกินไป
หากหลังจากนั้น อาจคลอดลำบาก
นอกจากนี้ คุณแม่นุ้ยต้องได้รับการฉีดวัคซีน
ป้องกันบาดทะยัก เป็นเข็มที่สาม
ซึ่งจะช่วยทำให้มีภูมิคุ้มกันไป 10 ปีทีเดียว

Wednesday, September 24, 2008

ลูกหนัก 3 กิโลแล้ว

เข้าสู่สัปดาห์ที่ 35
น้ำหนักลูกน่าจะ 3 กิโลได้แล้ว
ส่วนคุณแม่ น้ำหนัก 62.9 กิโลกรัม
เอวขยายไปที่ 44 นิ้ว
2 สัปดาห์ก่อน อยู่ที่ 40 นิ้วเท่านั้น
คุณหมอนัดตรวจครั้งหน้า
วันที่ 7 ตุลาคม 2551
โดยจะทำอัลตร้าซาวน์
เพื่อดูขนาดเด็กและน้ำคร่ำในท้อง
สงสัยจะได้รู้เพศลูกชัดๆ
เพราะไม่ค่อยแน่ใจว่า
ทำไมเด็กผู้หญิงถึงซนและดิ้นเก่งมากจังเลย
น้ำหนักคุณแม่ควรเพิ่มขึ้นไม่เกิน 64 กิโลกรัม
สำหรับการนัดตรวจคราวหน้า
และคุณแม่ต้องฉีดยาป้องกันบาดทะยักเข็มที่สาม
ช่วงนี้สิ่งที่คุณแม่ต้องระวัง คือ อาการน้ำเดิน
น้ำเดิน หรือ ถุงน้ำคร่ำแตก
คืออาการที่น้ำใสๆ ไม่ใช่มูก
ไหลออกมาชุ่มชั้นในหรือไหลตามขา
ให้รีบไปโรงพยาบาลได้เลย
เพราะเมื่อถุงน้ำคร่ำแตก จะทำให้โพรงมดลูก
ที่ต่อเชื่อมกับช่องทางคลอด
อาจเกิดการติดเชื้อได้
ดังนั้นคุณแม่ต้องคอยสังเกตอาการน้ำเดินให้ดี

Sunday, September 7, 2008

อบรม ครรภ์คุณภาพ

เช้าวันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน 2551
มีนัดไปเข้าอบรมเรื่องครรภ์คุณภาพ
ที่ รพ.ศิครินทร์ ช่วงเช้าถึงเที่ยง
โดย รศ.ลาวัณย์ ผลสมภพ
อบรมเสร็จ ตอนบ่าย ก็พบคุณหมออัจฉราเลย
จะได้ไม่ต้องเข้าอีกรอบ

Thursday, September 4, 2008

คุณแม่ท้องแปดเดือน







ใบสำคัญการจดทะเบียน


จดทะเบียนสมรสแล้ว
วันที่ 2 กันยายน 2551
ตั้งใจกันไว้ตั้งแต่แรกว่า
จะจดทะเบียนสมรส
ในวันที่ 2 กันยายน ปี ไม่ระบุ
เพราะเราแต่งงานกัน
วันที่ 2 กันยายน 2549
คือเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา
เพิ่มมาตัดสินใจว่า
จะจดทะเบียนเมื่ออาทิตย์ก่อน
จังหวะพอดี ยังไม่เลยวันที่ 2 กันยา
ก็เลยจดกันปีนี้เลยครับ
เราไปจดกันที่อำเภอ เมืองสมุทรปราการ
ใกล้บ้านที่สุด
ใช้เวลาไม่นาน แค่ 30 นาที
จดเรียบร้อยแล้ว ลูกที่เกิดมา
ก็จะได้ใช้สิทธิประโยชน์ต่างๆ
ของแม่นุ้ยได้เต็มที่ แบบไม่วุ่นวาย

ส่วนใครกำลังหาข้อมูลขั้นตอน
หรือหลักฐานที่ใช้สำหรับการจดทะเบียนสมรส
ดูได้จากข้างล่างนะครับ


การจดทะเบียนสมรส
ข้อมูลจาก กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย
หลักเกณฑ์ / คุณสมบัติ

1. จะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 17 ปีบริบูรณ์ และต้องนำบิดา มารดา หรือผู้ปกครองมาให้ความยินยอมด้วย
2. กรณีที่มีอายุต่ำกว่า 17 ปี จะต้องได้รับอนุญาตจากศาลให้ทำการสมรสได้
3. ส่วนผู้ที่มีอายุ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปสามารถดำเนินการได้ด้วยตนเอง
4. ไม่เป็นคนวิกลจริต หรือไร้ความสามารถ
5. ไม่เป็นพี่น้องร่วมบิดามารดา หรือร่วมแต่บิดามารดา
6. ไม่เป็นคู่สมรสของบุคคลอื่น
7. ผู้รับบุตรบุญธรรมจะสมรสกับบุตรบุญธรรมไม่ได้
8. หญิงหม้ายจะสมรสใหม่ เมื่อการสมรสครั้งก่อนได้สิ้นสุดไปแล้วไม่น้อยกว่า 310 วัน เว้นแต่
      - - คลอดบุตรแล้วในระหว่างนั้น
      - - สมรสกับคู่สมรสเดิม
      - - มีใบรับรองแพทย์ว่าไม่ได้ตั้งครรภ์
      - - ศาลมีคำสั่งให้สมรสได้
9. ชายหญิง ที่มีอายุไม่ครบ 17 ปีบริบูรณ์ ศาลอาจอนุญาตให้สมรสได้


เอกสารที่ใช้

1. บัตรประจำตัวประชนหรือบัตรอื่นที่ทางราชการออกให้
2. สำเนาหนังสือเดินทางกรณีชาวต่างประเทศ
3. หนังสือรับรองสถานภาพบุคคลจากสถานทูต หรือสถานกงสุล หรือองค์การของรัฐบาลประเทศนั้น มอบหมาย พร้อมแปล(กรณีชาวต่างประเทศขอจดทะเบียนสมรส)
4. สำเนาทะเบียนบ้าน 


ขั้นตอนการดำเนินงาน

1. การจดทะเบียนสมรส สามารถยื่นคำร้องขอจดทะเบียนได้ทุกแห่ง โดยไม่ต้องคำนึงถึงภูมิลำเนาของคู่สมรส
2. คู่สมรสยื่นคำร้องขอจดทะเบียนสมรสต่อเจ้าหน้าที่หรือนายทะเบียน ณ ที่ว่าการอำเภอ กิ่งอำเภอหรือสำนักทะเบียนเขตใดก็ได้ โดยไม่คำนึงถึงภูมิลำเนาของคู่สมรส
3. คู่สมรสที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ต้องนำบิดาและมารดาหรือผู้ปกครองโดยชอบธรรมมาให้ความยินยอม
4. คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือทั้งสองฝ่าย เป็นคนต่างด้าว ต้องขอหนังสือรับรองสถานภาพบุคคลจากสถานทูต หรือกงสุลสัญชาติที่ตนสังกัด หนังสือรับรองนั้น ต้องแปลเป็นภาษาไทยและมีคำรับรองการแปลถูกต้อง ยื่นพร้อมคำร้องขอจดทะเบียนสมรสต่อนายทะเบียน ณ ที่ว่าการอำเภอ กิ่งอำเภอหรือสำนักงานเขต 


สถานที่ติดต่อ / ค่าธรรมเนียม

ค่าธรรมเนียม / ค่าปรับ : 
1. การจดทะเบียนสมรส ณ สำนักทะเบียนที่จด ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม
2. การจดทะเบียนสมรสนอกสำนักทะเบียน ต้องเสียค่าธรรมเนียม 200 บาท พร้อมจัดยานพาหนะ รับ - ส่ง นายทะเบียน
3. การจดทะเบียนสมรสนอกสำนักทะเบียนในท้องที่ห่างไกล เสียค่าธรรมเนียม 1 บาท 

สถานที่ติดต่อ / ยื่นเอกสาร : 
1. ฝ่ายทะเบียน สำนักงานเขต
2. ศูนย์สอบถามข้อมูลทางการทะเบียน โทร. 1548 


การจดทะเบียนสมรสกับชาวต่างชาติ
จดทะเบียนภายใต้กฎหมายต่างชาติ
ขั้นตอนการดำเนินงาน

1. ให้คนไทยติดต่อสถานทูตนั้นในไทย สอบถามว่าจะต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง ส่วนใหญ่จะใช้ใบรับรองความเป็นโสด
2. นำเอกสารดังกล่าวไปแปลเป็นภาษาอังกฤษ
3. นำมารับรองที่กองสัญชาติและนิติกร โดยนำเอกสารต้นฉบับ (ภาษาต่างประเทศ) และฉบับที่แปลแล้ว (ภาษาไทย)
4. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
5.  นำเอกสารไปรับรองที่สถานทูตชาติ ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย นำไปใช้ยังต่างประเทศได้


หมายเหตุ

นำเอกสารไปรับรองที่สถานทูตชาติ กรณีไม่สามารถดำเนินการได้สามารถทำการมอบอำนาจ

ถ้ามอบอำนาจมา ต้องนำหนังสือมอบอำนาจ และ สำเนาบัตรปชช ของผู้มอบด้วย

สตรี ไทยผู้ถือหนังสือเดินทางในชื่อสกุลเดิม เมื่อทำการสมรสตามกฎหมายต่างประเทศสามารถร้องขอให้สอท./สกญ.บันทึกการใช้นาม สกุลสามีลงในหนังสือเดินทาง (ปัจจุบันต้องทำหนังสือเดินทางเล่มใหม่) แต่ต้องแก้ไขข้อมูลในบัตรประจำตัวประชาชนและทะเบียนบ้านให้ถูกต้อง ในโอกาสแรกที่เดินทางกลับประเทศไทย หากมิได้ดำเนินการแก้ไข และมาขอหนังสือเดินทางฉบับใหม่ กระทรวงการต่างประเทศจะออกหนังสือเดินทาง โดยใช้คำนำหน้านามและนามสกุลตามข้อมูลที่ปรากฏ ตามหลักฐานทะเบียนราษฎรเท่านั้น

1. การจดทะเบียนสมรส สามารถยื่นคำร้องขอจดทะเบียนได้ทุกแห่ง โดยไม่ต้องคำนึงถึงภูมิลำเนาของคู่สมรส
2. คู่สมรสยื่นคำร้องขอจดทะเบียนสมรสต่อเจ้าหน้าที่หรือนายทะเบียน ณ ที่ว่าการอำเภอ กิ่งอำเภอหรือสำนักทะเบียนเขตใดก็ได้ โดยไม่คำนึงถึงภูมิลำเนาของคู่สมรส
3. คู่สมรสที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ต้องนำบิดาและมารดาหรือผู้ปกครองโดยชอบธรรมมาให้ความยินยอม
4. คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือทั้งสองฝ่าย เป็นคนต่างด้าว ต้องขอหนังสือรับรองสถานภาพบุคคลจากสถานทูต หรือกงสุลสัญชาติที่ตนสังกัด หนังสือรับรองนั้น ต้องแปลเป็นภาษาไทยและมีคำรับรองการแปลถูกต้อง ยื่นพร้อมคำร้องขอจดทะเบียนสมรสต่อนายทะเบียน ณ ที่ว่าการอำเภอ กิ่งอำเภอหรือสำนักงานเขต 


จดทะเบียนภายใต้กฎหมายไทย
ขั้นตอนการดำเนินงาน

1. ให้คนต่างชาติ ไปขอใบรับรองความเป็นโสด ที่สถานทูตชาติของตนในไทย บางสถานทูตไม่มีสิทธิ์ออกให้ ต้องติดต่อสำนักงานเขตในประเทศของตน
2. นำเอกสารดังกล่าวไปแปลเป็นภาษาไทย
3. นำมารับรองที่กองสัญชาติและนิติกร โดยนำเอกสารต้นฉบับ (ภาษาต่างประเทศ) และฉบับที่แปลแล้ว (ภาษาไทย)
4. หนังสือเดินทางของชาวต่างชาติ
5.  นำไปจดทะเบียนที่อำเภอหรือเขต


เอกสารประกอบการยื่นสำหรับคนต่างชาติ

1. หนังสือเดินทาง หรือหนังสือการอนุญาตให้เข้าเขตแดนของประเทศใดประเทศหนึ่ง (Visa) ประเภทเพื่อการท่องเที่ยวหรือประกอบกิจการด้านธุรกิจ
2. หนังสือ รับรองสถานภาพของบุคคลจากสถานทูต หรือสถานกงสุลโดยระบุเกี่ยวกับคุณสมบัติของบุคคลนั้นที่เหมาะสมที่จะสมรส กับคนไทย 
      ระบุอาชีพ, รายได้, ภาวะทางการสมรส และระบุชื่อบุคคลทางราชการ ที่สามารถติดต่อและขอทราบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมได้ จำนวน 2 คน ซึ่งมีที่อยู่เดียวกับผู้ร้อง โดยนำหนังสือรับรองดังกล่าว แปลเป็นภาษาไทย รับรองคำแปลโดยสถานทูตของประเทศของบุคคลนั้น หรือกระทรวงการต่างประเทศไทย


          

          
          

          

Thursday, August 28, 2008

Thailan Baby & Kids Best Buys



งาน Thailand Baby & Kids Best Buys
จัดระหว่าง 28-31 สิงหาคม 2551
งานรวมพลคนตั้งท้อง กลับมาอีกครั้ง


Gymini Monkey
ราคาปกติ 3700.-
ซื้อในงานลดพิเศษ เหลือเพียง 2200.-
รีบคว้ามาเลย 1 ชุด เพราะคุ้มค่ามาก
ชิ้นนี้ เป็นของเล่นเพื่อการพัฒนาการของลูกน้อย
เป็นชุดของเล่นลิงน้อย มาพร้อมเสียงดนตรีต่าง ๆ กัน พร้อมแสงไฟกระพริบสร้างความเพลิดเพลิน
และยังมีหมอนเสริมเพื่อฝึกกล้ามเนื้อคอ และหน้าท้อง
นอกจากนี้ เราสามารถซื้อตุก๊กตามาแขวนเพิ่มได้ด้วย


ของเล่นคีย์บอร์ด
มีเสียงสัตว์ต่างๆ
เอาไว้เล่นประกอบการเล่นนิทาน
สนุกมากๆ
ราคา 199 บาทเอง
ซื้อจากบูท papa

Tuesday, August 19, 2008

เจ็ดเดือนแล้วจ้า...

เข้าสัปดาห์ที่ 30 นี้
ไปหาคุณหมอวันที่ 19 สิงหาคม 2551
คุณแม่ท้องใหญ่ขึ้นมาก
เด็กหนักราวๆ 1.3 กิโลกรัม
แต่น้ำหนักคุณแม่ ก็ปาเข้าไป 60 กิโลแล้ว
ช่วงหลังจากนี้ น้ำหนักที่ขึ้น ก็จะไปตกที่คุณลูกหมด
ถ้าลูกตัวใหญ่ไป ก็อาจจะคลอดเองลำบาก
คุณหมอตรวจดูแล้ว เห็นว่าคุณแม่และคุณลูกแข็งแรงดี
ยังนัดห่างออกไปได้อีก 3 สัปดาห์ข้างหน้า
และแนะนำให้เข้าร่วมอบรม"ครรภ์คุณภาพ"
ในวันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน 2551 ช่วงเช้า
พอช่วงบ่ายก็มาพบหมอได้เลย
คุณหมอให้คอยระวังเรื่องน้ำเดิน
หากพบว่า มีน้ำไหลออกมามาก
คล้ายปัสสาวะราดที่นอน
หรือนั่งๆอยู่ น้ำก็ไหลออกมามาก
ให้รีบมาพบหมอ เพราะอาจมีการคลอดก่อนกำหนด

Tuesday, August 5, 2008

คุณแม่..ไม่หวานเกิน

นุ้ยต้องกินกลูโคส 100 ml.
และถูกเจาะเลือด 4 ครั้ง
ห่างกันครั้งละ 1 ชั่วโมง
ครั้งแรกก็หลังจากทานกลูโคสทันที
หลังจากนั้น ก็เจาะเลืดที่ชัวโมงที่ 1,2 และ 3
งานนี้ต้องงดอาหารและน้ำก่อนตรวจ 8 ชั่วโมง
และต้องเตรียมมะนาวไปผสมกับกลูโคสด้วย
ไม่งั้น ดื่มไม่ลงแน่ๆ
ผลการตรวจน้ำตาลอย่างละเอียด
พบว่า ไม่เป็นเบาหวาน

Tuesday, July 29, 2008

คุณแม่...หวานเกินไปหน่อย

วันนี้ไปพบหมอตามนัด
เพื่อตรวจคัดกรองน้ำตาลขั้นต้น
โดยที่คุณแม่ไม่จำเป็นต้องงดอาหารและน้ำก่อนไป
คุณพยาบาลจะให้ดื่มกลูโคส 50 ml.
รอเวลา 1 ชัวโมง ค่อยเจาะเลือด
ตรวจวัดระดับน้ำตาล
ผลการตรวจ พบว่ามีระดับน้ำตาลสูงกว่าปกติเล็กน้อย
เมื่อผลออกมาอย่างนี้
คุณหมอเลยนัดให้ทำการตรวจอย่างละเอียดอีกที
คราวหน้าต้องงดน้ำอาหารก่อนมาตรวจ
ดื่มกลูโคส 100 ml.
เอาเลือดไปตรวจทุกชั่วโมง
เจาะเลือดไปตรวจ 4 เข็ม
หมอนัดให้มาทำการตรวจวันจันทร์หน้าครับ

Wednesday, July 9, 2008

ปรับปรุงห้องให้แม่ลูกคู่ใหม่

เนื่องจากห้องเดิม เป็นห้องของเซี้ยง
ทำไว้เมื่อตอนเซี้ยงแต่งงาน เมื่อปี 2547
แต่เซี้ยงมานอนเฉลี่ย ปีละ 5-10 คืน
ถึงแม้ว่าจะตกแต่งไว้อย่างสวยงาม
แต่ปิดช่องลมทั้งหมด ด้วยไม้อัด
จึงไม่เหมาะสำหรับเด็กทารกและคุณแม่หลังคลอด
เลยหาช่างรับเหมามาประเมินราคาดู
เจ้าแรกเรียก Dr.Home ในซอยบ้าน มาตีราคาดู
เรียกมา 18000 บาท แพงเกินไป
เลยเรียกช่างในหมู่บ้านแถวบ้านมาทำแทน
จ่ายไปเพียง 6000 บาทเอง
ผลงานก็ถือว่า น่าพอใจทีเดียว


ห้องหลังปรับปรุงแล้ว


เพิ่มขาเตียงให้สูงขึ้น 4 นิ้ว ทำให้ลุก นั่ง สะดวกขึ้น


เอาไม้ฝาทาสีขาว ปิดด้านข้างโต๊ะเครื่องแป้ง


รื้อผนังกลางห้องออก และเก็บโต๊ะเครื่องแป้งไว้
สั่งทำขา stainless ราคา 750 บาท มาติดตั้งเพื่อให้สวยงาม


รื้อถอนผนังสีฟ้าออก ก็จะได้กระจกบานเลื่อนของเดิมกลับมา
รวมถึงแสงสว่างและลมเข้าห้องตามต้องการ

ภาพด้านล่าง คือห้องเดิมก่อนปรับปรุง

ผนังสีฟ้า ก่อนถูกรื้อออก



ผนังกั้นกลางห้อง ก็เอาออก เพื่อให้แสงและลมผ่านได้


ห้องเดิมมืดมาก เพราะมีหน้าต่างด้านเดียว
และมีไม้ระแนงกั้นอีกต่างหาก

Tuesday, July 1, 2008

ตะคริวกิน

เข้าสู่สัปดาห์ที่ 23 แล้ว
ช่วงนี้นุ้ยจะเป็นตะคริวขึ้นบ่อยๆ
คุณหมอบอกว่า สาเหตุเกิดจาก
คนท้องจะถูกกดทับบริเวณขาหนีบ
ทำให้เลือดไหลลงไปเลี้ยงขาไม่สะดวก
โดยเฉพาะการนอนนานๆ
แล้วเหยียดปลายเท้าทัันที
เหมือนกับการบิดขี้เกียจนั่นแหละ
จะทำให้ตะคริวขึ้นได้
ต้องพยายามงอปลายเท้าขึ้น
ก็จะแก้การเกิดตะคริวได้
นอกจากนี้ เวลาทำงาน
ก็ควรพยายามงอขา งอเข่า งอปลายเท้าบ่อยๆ

วันนี้ไปหาคุณหมอตามนัด
ผลปรากฎว่า น้ำหนักนุ้ยเพิ่มขึ้นมาก
จาก 50.3 กิโล เป็น 53.8 กิโล
เพิ่มขึ้นมา 3.5 กิโลกรัม
ปกติควรจะขึ้นเพียงสัปดาห์ละ 0.5 กิโล
หรือเดือนละ 2 กิโลกรัมเท่านั้น
คุณหมอบอกว่า ถ้าขึ้นอย่างนี้
ให้ขึ้นได้อีก 1 เดือนเท่านั้น
เพราะคุณแม่มีประวัติ ที่ญาติเป็นเบาหวาน
อาจมีความเสี่ยงได้
นัดตรวจครั้งหน้า
คุณหมอจึงให้ตรวจคัดกรองเบาหวานด้วย

Monday, June 23, 2008

MOS BURGER again

มื้อเย็นวันนี้ ได้หม่ำ Teriyaki Burger ของ MOS Burger แล้ว
พอดีวันนี้นุ้ย ไปประชุมที่เพลินจิต
เลิกงานแล้วเลยแวะซื้อก่อนกลับบ้าน
ก็เลยได้กินไป 2 ชิ้นเต็มๆ
กับ Fish Burger อีก เสี้ยวหนึ่ง
อร่อยมากครับสำหรับ Teriyaki Burger

Thursday, June 12, 2008

พูดกับลูกในท้อง


เด็กเริ่มได้ยินแล้ว
ผมเลยทำอุปกรณ์สำหรับพูดกับลูกในท้อง
ประหยัดกว่าซื้อตามห้างมาก
ผมซื้อกรวยขนาดใหญ่จากร้าน DAISO (ร้านทุกชิ้นหกสิบบาท)
และท่อน้ำทิ้งแบบย่นจากร้านอมร ราคา 45 บาท
เบ็ดเสร็จก็ 105 บาทเอง แจ๋วมากๆ
การพูดกับลูกในท้องนั้น
จะทำให้เด็กมีพัฒนาการที่เร็วมาก
คอจะตั้งได้เร็วกว่าปกติ
เด็กจะคุ้นกับเสียงของพ่อแม่
เวลาคลอดออกมา
ก็จะรู้สึกอบอุ่นเมื่อได้ยินเสียงที่เคยชิน
เวลาพูดก็ควรใช้ Keyword เรียก 3 ครั้งก่อน
เช่น "ปั้น น้องปั้น อาปั้น
นี่ปะป๊าพูดนะ
นี่เสียงปะป๊านะ
นี่ปะป๊าพูดนะ"
หลังจากนั้นก็คุยเรื่องอะไรก็ได้
หรือร้องเพลงให้ฟังก็ได้
เด็กจะหยุดฟังเมื่อได้ยินเรา

Sunday, June 8, 2008

สะบายดี หลวงพระบาง

สะบายดี
มื้อนี้ ข้อยไปเบิ่งหนังเฮื่องสะบายดีหลวงพระบางมา
เนื้อหาของหนังก็บ่มีอะหยังหลาย
ค่อนข้างซื่อซื่อ แต่ก็มักนะ
เพราะฮูู้้สึกถึงความสบายแท้ๆ
ภาพเมืองต่างๆ ก็งามแท้ๆ
เบิ่งแล้วก็อยากไปเที่ยวเมืองลาวอีกสักมื้อ
ขอบใจเด้อ


เรื่องย่อ
สอน (อนันดา เอเวอริ่งแฮม) ช่างภาพหนุ่มลูกครึ่ง
ถูก บก. ส่งไปถ่ายรูปที่ประเทศลาว โดยที่ไม่เต็มใจนัก เพราะถึงแม้ตัวเขาจะมีเชื้อสายลาวอยู่
แต่ก็ไม่มีข้อมูลหรือเคยไปเมืองลาวเลยสักครั้ง

สอนมาถึงเมืองปากเซ เขาว่าจ้างไกด์ชื่อน้อย (คำลี่ พิลาวง) พาเดินทางถ่ายรูปในแถบลาวใต้ ไปน้ำตกหลี่ผี คอนพะเพ็ง เลยไปถึงสี่พันดอนที่เป็นเกาะแก่งในแม่น้ำโขง
แต่ว่าไกด์สาวเพิ่งทำงานเป็นครั้งแรก จึงพาหลงทางตลอด จนสอนได้ไปบ้านเก่าของพ่อตามที่สั่งไว้

แต่สอนกลับพบว่า ญาติพี่น้องที่ห่างกันเป็นสิบปีต่างจำเขาได้ และให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น จนสอนเริ่มมองภาพเมืองลาวว่าเป็นบ้านอีกที่หนึ่งของตน

สอนรู้สึกชอบพอกับน้อย
แต่ทว่าเมื่อมีความสนิทสนมกัน
น้อยกลับเป็นฝ่ายถอยห่าง และหลบหน้าเขาไป สอนค้นหารากเหง้าความเป็นคนลาวในตัวเอง
และต้องหาทางพิสูจน์ให้น้อยเชื่อว่า เขาไม่ใช่แค่นักท่องเที่ยวที่มาสร้างความรักเพียงชั่วคราว
แล้วทิ้งเธอไปที่อื่น

Source : http://www.sabaideemovie.com/

Tuesday, June 3, 2008

อัุลตร้าซาวน์


เด็กอ้าปาก คล้ายกำลังหัวเราะ


แขนและมือ


ระบุเพศหญิง

วันนี้ นุ้ยไปตรวจอัลตร้าซาวน์ตามที่หมอนัด
เข้าสู่สัปดาห์ที่ 19 แล้ว
น้ำหนักนุ้ยเพิ่มขึ้น 2 กิโลกว่า
พอได้คิวเข้าห้องตรวจ
คุณหมอก็ให้ขึ้นเตียงตรวจดูอัุลตร้าซาวน์
เพื่อดูพัฒนาการของเด็กในครรภ์
ผลตรวจไม่พบสิ่งปกติใดๆ และเป็นลูกสาว
นุ้ยดีใจมาก เพราะอยากได้ลูกสาว
และมีความรู้สึกว่าน่าจะเป็นลูกสาว
เพราะช่วงนี้นุ้ยชอบดูของสำหรับเด็กผู้หญิง
รวมถึงชอบเสื้อผ้าสีๆ ด้วย
ถึงแม้ตัวผม ช่วง 2-3 เดือนมานี้
อยากจะได้เด็กผู้ชาย
แต่จริงๆแล้วผมชอบเด็กผู้หญิงเป็นทุนเดิมมากกว่า
เพราะน่ารัก ช่างพูด
และก็็มีความเป็นไปได้มาก ที่จะได้ลูกสาว
เพราะที่บ้านส่วนมากพี่น้อง
ท้องแรกจะได้ผู้หญิงมาโดยตลอด
ลูกชายคงต้องรอไปก่อน
ขณะตรวจดูอัลตร้าซาวน์
เด็กจะขยับตัวตลอดเวลา
นอนทับแขนตัวเองบ้าง
อ้าปากหัวเราะบ้าง
กำมือบ้างกางนิ้วบ้าง
ยืดแขนยืดขาอยู่ตลอด
ไม่ยอมอยู่นิ่งๆให้คุณหมอถ่ายภาพชัดๆเลย
แต่ก็มองเห็นว่า
เป็นเด็กขายาว ตาโต แก้วตาใสไม่มีต้อกระจก
แขนขา นิ้วมือ นิ้วเท้าครบถ้วน ปากไม่แหว่ง
น้ำหนักประมาณ 2-3 ขีด ตัวโต
แถมซนจะแถบไม่น่าเชื่อว่าเป็นเด็กผู้หญิง
หมอนัดครั้งต่อไปวันที่ 1 ก.ค. 2551
พอตอนค่ำๆ ผมกับนุ้ยก็เลย
ตั้งชื่อลูกเล่นๆ
ชื่อเล่นคิดไว้นานแล้ว ว่าจะให้ชื่อ น้องปั้น
ทีี่แรกคิดว่าจะให้เป็นชื่อเด็กผู้ชาย
แต่เด็กผู้หญิงก็ชื่อปั้นได้เหมือนกัน
ส่วนชื่อจริง นุ้ยก็เสนอว่า
ชื่อ พิมพ์มาดา เป็นชื่อจริงของนักร้อง พิม ซาช่า
แปลว่า เหมือนแม่ ผมว่าชื่อเพราะดี
ผมก็เสนอชื่อ ปั้นดาว
ชื่อก้เพราะพอใช้ใด้
แต่นุ้ยบอกทำไม่ต้องมีชื่อเล่นอยู่ในชื่อจริงด้วยล่ะ
ส่วนอีกชื่อที่ผมอยากเรียกมากๆ คือ ปานเนตร
ซึ่งหมายถึง เป็นดั่งแก้วตาของเรานั่นเอง

Wednesday, May 21, 2008

1 Litre of Tears (J-Series)


ฟากหนึ่งของความเศร้า
kanashimino mukou kishi ni
จะมีฝั่งที่มีความสุขรออยู่
hohoe ni ga aru toiu yo
ฟากหนึ่งของความเศร้า
kanashimino mukou kishi ni
จะมีฝั่งที่มีความสุขรออยู่
hohoe ni ga aru toiu yo
แต่หนทางข้างหน้าที่จะไปถึง
tado ri tsu ku sono saki ni wa
ไม่รู้จะมีอะไรรออยู่
nani ga boku ra wo ma-te ru
ไม่ใช่เพื่อต้องการวิ่งหนี
nigeru tame ja naku
แต่เพื่อต้องการวิ่งตามความฝัน
yame wo u ta me ni
จึงเดินทางในวันนี้
tabi ni deta hazu sa
ในฤดูร้อนที่ผ่านมาแสนนาน
to-i natsu no ano hi
ถ้าได้เห็นเพียงแค่พรุ่งนี้
a-shita sae mieta nara
คงไม่ต้องทอดถอนใจ
tame i ki mo na i kedo
ดั่งเรื่อที่ล่อยตามสายน้ำ
naka re ni saka ra u fune no yo-ni
ตอนนี้มีเพียงแต่ต้องก้าวเดินไปข้างหน้า
ima wa mae e susume
จะมีฝั่งที่มีความสุขรออยู่
kuru shi mi no tsu ki ta basho ni
ตรงที่ความทรมานหมดไป
shi-a wasa ga matsu to i u yo
พวกเรายังคงค้นหาอยู่
boku wa ma da saga shi te i ru
ดอกทานตะวันที่บานผิดฤดู
kisetsu ha zu re no himawari
ถ้ากำมือแล้วรอดวงตะวันขึ้น
ko bu shi nigi ri shi me
รอยเล็บแดงและน้ำตาไหลมาหนึ่งหยด
asahi wo ma te ba
เมื่อคุ้นเคยกับความโดดเดี่ยว
saka i tsume a to ni
จะมีเพียงแค่แสงจันทร์
namida ki ra ri o chiru
โบยบินไปให้แสนไกล
kodoku ni mo na re ta na ra
ด้วยปีกซึ่งไร้ขนนก
tsuki akari tayori ni
ก้าวต่อไป
ha me na ki tsubasa de tobi ta to
เดินต่อไปข้างหน้า
motto mae e susume
เมื่อเมฆฝนจางหายไป
ama kumo ga kire ta nara
เส้นทางที่เปียกก็จะส่องแสงแวววับ
nureta michi ka ga yaku
มีเพียงความมืดที่ช่วยนำทาง
yami dake ga oshie te ku re ru
สอนให้ฉันเข้มแข็ง เข้มแข็งดุจดังแสงแรงกล้า
tsuyoi tsuyoi hikari
ให้ฉันมีแรงก้าวไปข้างหน้า อย่างเข้มแข็งต่อไป
tsuyo ku mae e susume

Tuesday, May 20, 2008

MOS BURGER



รายการอาหาร


Teriyaki Chicken Burger

วันนี้นุ้ยกลับมาถึงบ้าน
พูดถึงร้านอาหารที่ไปทานมามื้อกลางวัน
ว่าอร่อยมาก มาก มาก และก็มาก
ร้านชื่อ MOS Burger สาขาชิดลม
เพราะไปประชุมที่สำนักงานใหญ่ ตรงเพลินจิต
ร้าน Mos Burger เป็นร้านแฮมเบอร์เกอร์สัญชาติญี่ปุ่นครับ
ตอนนี้ร้าน Mos Burger มี 2 สาขาในไทย
ที่แรกเปิดเมื่อปี 2550 ห้าง Central World ชั้น 3
คนค่อนข้างมาก ต้องต่อคิวยาว
ส่วนสาขาชิดลม เปิดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2551
ตั้งอยู่ด้านหลังของห้าง Central ชิดลม
คนจะน้อยกว่า วันธรรมดา ก็น่าจะสบายๆ
ส่วนในญี่ปุ้นมีถึง 1500 สาขา
ไต้หวัน สิงค์โปร์ ฮ่องกงก็มีด้วย
วันนี้นุ้ยลองสั่ง Teriyaki Chicken Burger มาทาน
ปกติจะทาน burger ไม่หมด
แต่ของ Mos Burger ไม่เหลือ
วันไหนมีโอกาส คงต้องแวะไปลองด้วยคน

เริ่มกระดุ๊กกระดิ๊ก

สองสามวันที่ผ่านมา
นุ้ยเริ่มรู้สึกว่ามีอะไรปูดๆแข็งๆ
ขึ้นมาที่หน้าท้อง แล้วก็ยุบไป
แต่ก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าคืออะไร
เมื่อวานก็มีอาการแบบนี้อีก
ก็เริ่มมั่นใจแล้ว เป็นอาการขยับตัว
ของลูกในครรถ์นั่นเอง
ยิ่งเพิ่มความรู้สึกถึงสายสัมพันธ์
ระหว่างแม่ลูกยิ่งขึ้น
อายุครรถ์ตอนนี้ ประมาณ 17 สัปดาห์
หรือราว 4 เดือน
ลูกคงยาวประมาณ 12 เซนต์
หนัก 100 กรัม หรือ 1 ขีด
ตรงกับที่คุณหมอบอกไว้เลยว่า
ถ้าคุณแม่ตัวเล็ก และหน้าท้องไม่หนา
ก็จะเริ่มรู้สึกว่าลูกดิ้นได้เร็วกว่า
คุณแม่ที่ตัวอ้วนและหน้าท้องหนากว่า
ระยะนี้คุณแม่นุ้ยก็ไม่มีอาการคลื่นไส้แล้ว
เลยทำให้เริ่มห่วงสวยขึ้นมาแทน
โดยเฉพาะเรื่องหน้าท้องลาย
ถ้าใครคิดครีมทาป้องกันท้องลายได้
คงขายดีและรวยน่าดี
แต่ก็ยังไม่มีใครทำได้สักคน
เรื่องนี้เป็นเรื่องเฉพาะคนจริงๆ
บางคนใช้ครีมแพงก็ยังลาย
บางคนไม่ใช้อะไรเลยกลับไม่ลาย
แต่ยังไงๆ ก็ต้องทาครีมป้องกันไว้ก่อน
เพราะสาเหตุที่ทำให้ท้องลาย
เนื่องจากท้องโตขึ้น ผนังหน้าท้องก็ขยาย
เพื่อรองรับมดลูกที่โตขึ้น
ช่วงเริ่มท้องใหม่ๆ ก็ยังไม่เห็นหรอก
จะเริ่มเห็นก็ปาเข้าไป เดือนที่ 6
เพราะเด็กจะดันท้องให้เป่งแทบแตก
ท้องเลยจะเริ่มแตกลายให้เห็น
ชอบครีม โลชั่น เบบี้ออยล์ ก็ทาเลย
ตัวไหนก็เหมือนกัน เพราะจะทำให้ผิวหนัง
ชุ่มชื้นและยืดหยุ่นเวลาท้องขยาย
จะช่วยลดอาการท้องลายได้
นุ้ยก็เลยใช้ทั้งครีม NEVIA
และ Olive oil หรือ ไอ้น้ำมันมะกอกนี่แหละ
แต่เรียกเป็นภาษาอังกฤษซะหน่อย
เมื่อวานก็ไปซื้อขวดปั๊มมาใช้
เวลาใช้งานจะ้สะดวกกว่า
ขวดแบบหมุนฝาเกลียวเปิด-ปิด

Thursday, May 15, 2008

สวนสุภัทราแลนด์


และแล้วก็ได้ไปสวนสุภัทราแลนด์จริงๆ
วันเสาร์ที่ 3 พ.ค. 2551
พ่อนุ้ย แม่นุ้ย ตั๋ง (น้องชายนุ้ย) มารับที่บ้านสำโรงแต่เช้า
ราว 7 โมง ตรงเวลาเป๊ะ
นี่ขนาดหลงทางเล็กน้อย แถวพระราม 2 นะเนี้ย
ทักทาย พูดคุยกับอาม่าประมาณ 15 นาที
พวกเราทั้งหมด 5 คน ก็เริ่มออกเดินทาง
แวะพักและนัดหมายกับกลุ่มน้าสม (น้านุ้ย)
ที่ rest area ของ motorway
กว่าจะได้ิิิออกเดินทางจริงก็เกือบ 9 โมง
ไปถึงสวนสุภัทราแลนด์ ระยอง เวลา 10.30 น.
ค่าเข้าชมแล้วชิมผลไม้ในสวน
หัวละ 200 บาท
ผมว่าแพงน่าดู เพราะเป็นบุฟเฟ่ผลไม้
กินมากอย่างไร ก็เป็นผลไม้อยู่ดี
แต่อย่างว่า เรามาเพื่อรู้ครับ
คนอื่นกินไม่เท่าไร
แต่ผมชอบทุเรียน เลยเน้นทุเรียนมากหน่ิิอย
รสชาติโดยรวม อร่อยบางลูกครับ
ไม่ทุกลูก ส่วนมากไม่ได้รสชาติทุเรียนเท่าไร
ที่จะต้องหอม และหวานรสทุเรียน
ที่กินทั้งหมดน่าเสียดาย
สอบผ่านลูกเดียวเอง
แต่เงาะจากต้นอร่อยครับ
แห้งและหวาน
เพราะช่วงที่ไป ยังไม่เข้าหน้าฝนนั่นเอง

สวนสุภัทราแลนด์ เป็นสวนผลไม้
ของคุณสุวัฒน์ ฟ้าประทานชัย
นักธุรกิจชื่อดังของระยอง
มีเนื้อที่ประมาณ 700-800 ไร่
ปลุกยางพารา และผลไม้ต่าง ๆ หลายชนิด ส่วนใหญ่รองรับนักท่องเที่ยวที่มากันเป็นกรุ๊ปทัวร์
ชมสวนผลไม้และชิมผลไม้ชนิดต่างๆ
เช่น มังคุด ทุเรียน เงาะ ลองกอง แก้วมังกร ฯลฯ ต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยน้ำมะพร้าวอ่อน
แล้วนั่งรถลากบริการพาเที่ยวชมสวนผลไม้
หลากหลายชนิดในพื้นที่หลายร้อยไร่
นักท่องเที่ยวสามารถชิมผลไม้สดๆ จากต้น หรือจะเลือกซื้อเป็นของฝากติดมือกลับบ้านได้

Friday, May 2, 2008

ร้านบ้านป้าหนู แปดริ้ว


กล่องใส่เงินทอนให้ลูกค้า เก๋ดี




ทางเข้าด้านติดถนน




ท่าเรือตลาดบ้านใหม่ ตรงบ้านป้าหนูพอดี


ขนมครก กรอบนอก หวานนุ่มใน


ออส่วน หอยนางรมเยอะและสดจริงๆ



เมนู ปลาก๊วยเตี๋ยว รสชาติกลมกล่อม

หลังจากไปแ้ก้บนเสร็จ
นุ้ยก็พาผมไปกินข้าวเที่ยง ที่ร้านบ้านป้าหนู
อยู่ในตลาดบ้านใหม่
เข้าไปสุดตลาดเลย
ร้่านป้าหนูตั้งอยู่ริมแม่น้ำบางประกง
บรรยากาศดีมาก
ที่สำคัญอาหารอร่อยมาก
มีป้ายหมึกแดงการันตี