Search NuiPik Blog ลองใส่คำดูสิค่ะ

Thursday, October 25, 2012

สวนสนุกสมอลแลนด์ที่ IKEA

วันที่ 12 ตุลาคม 2555
ปั้นกลับมาจากบ้านสวนเมื่อคืนวาน
อายุครบ 4 ขวบเต็มพอดี
ปะป๊าเลยชวนปั้นไปสมัครเป็นประชากรชาวสมอลที่ IKEA
ที่นี่เป็นโลกของเด็กอายุ 4- 11 ขวบเท่านั้น
ปั้นได้รับ passport เพื่อแสดงตน
ว่าเป็นประชากรชาวสมอลแลนด์
เด็กส่วนใหญ่จะชอบที่นี่มาก
เพราะได้เล่นสนุก แบบไม่มีเด็กโตหรือผู้ใหญ่มาเดินเกะกะ





ปก passport 

ภาพถ่าย passport ของปั้น


ได้รับไอติมฟรี 1 อัน สำหรับประชากรใหม่




ปั้นเล่นสนุกอยู่ในสมอลแลนด์
พักทานอาหารกลางวันที่ IKEA ก็มีที่ให้เล่นอีก



Wednesday, October 24, 2012

สลับยางอย่างไรให้ถูกวิธี

สำหรับรถทั่วไป เราควรทำการสลับยางทุก 10000 กิโลเมตร
หากเป็นรถขับเคลื่อน 4 ล้อ ก็ควรสลับยางทุก 4000 กิโลเมตร
แต่จะสลับอย่างไร  ต้องขึ้นอยู่กับดอกยางครับ

เพราะยางรถยนต์มีลวดลายดอกยางที่แตกต่างกัน
เพื่อให้ประสิทธิภาพตามวัตถุประสงค์ของยาง
ดังนั้นเราจึงควรที่จะรู้ว่ายางที่เราใช้เป็นแบบไหน 
เวลาจะสลับยางจะได้ช่วงช่างดูว่าควรจะสลับยังไง
เพราะเห็นมานักต่อนักแล้วว่า ช่าง (เถอะ) ก็ชุ่ย
หรือมั่วได้เหมือนกันครับ  











 

1) ดอกยางแบบ 2 ทิศทาง
เป็นลักษณะของลายดอกยางที่จะสามารถสลับยางได้ในทุกตำแหน่งล้อ
ลักษณะดอกยางทั้ง 2 ด้าน จะสวนทิศทางกัน
หากเป็นการขับขี่ทั่วไป ไม่เน้นความเร็วสูง 
ดอกยางลักษณะนี้สามารถตอบสนองความต้องการได้อย่างดีเยี่ยม

2) ดอกยางทิศทางแบบทิศทางเดียว
ลายของดอกยางจะถูกบังคับให้หมุนไปในทิศทางเดียวเท่านั้น 
โดยมีลูกศรบอกทิศทางการหมุนอยู่ที่แก้มยางทั้ง 2 ด้าน 
(และเขียนกำกับว่า Rotation) 
ดังนั้น การสลับยางจะสลับได้เพียงด้านเดียวเท่านั้น

เช่น สลับด้านหน้าขวากับหลังขวา หรือด้านหน้าซ้ายกับหลังซ้าย 
ยกเว้นจะถอดตัวยางออกจากกระทะล้อเดิม
ไปใส่กับกระทะล้อฝั่งตรงกันข้าม 
แต่ต้องจัดวางทิศทางการหมุนของดอกยางให้ถูกต้องเช่นเดิม 
ไม่อย่างงั้นจะทำให้ทิศทางการหมุนของยาง 
เปลี่ยนกลับทิศทาง ทำให้ประสิทธิภาพของยางลดลง 
จุดเด่นของดอกยางแบบทิศทางเดียว คือ 
สามารถรีดน้ำออกจากหน้ายางได้รวดเร็วกว่าแบบ 2 ทิศทาง
ป้องกันอาการเหินน้ำ (Hydroplaning) 
ซึ่งจะทำให้ควบคุมรถได้ลำบาก

และเกิดอาการลื่นไถลได้

หลังจากสลับยางแล้ว ให้ช่างถ่วงล้อด้วยก็ดี 
อย่างน้อยให้ถ่วงล้อคู่หน้าก็น่าจะโอเคครับ

อีกอย่างครับ ถ้าจะเอายางอะไหล่
ที่มีขนาดเท่ากับยางที่ใช้ทั้ง 4 เส้นมาสลับใช้ด้วย 
ให้ใส่ยางอะไหล่ที่ตำแหน่งล้อหน้าซ้ายครับ
เพราะถนนเมืองไทยจะเอียงเข้าหาขอบถนนทางด้านซ้ายเสมอ
แล้วก็เอายางหลังซ้ายถอดเก็บเป็นยางอะไหล่แทน

Sunday, October 14, 2012

ป้อนประสาทหูซ้ายตึง

ผลการตรวจหูของป้อนออกมาแล้ว
จากการทดสอบ หูขวาได้ยินเป็นปกติ ระดับ 10-30 เดซิเบล
หูซ้ายมีอาการตึง ประมาณ 30-50 เดซิเบล
แต่ไม่มีผลต่อการได้ยินมากนัก
สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ เรียนหนังสือได้
แต่ถ้าเ้าไปอยู่ในสถานที่ ที่มีเสียงดัง
เวลาสนทนาอาจต้องเพิ่มระดับเสียงในการพูดคุยขึ้น
อย่างไรก็ตาม ควรทำการตรวจซ้ำอีก 6 เดือนข้างหน้า
เพราะการตรวจครั้งนี้ ป้อนอาจได้รับยานอนหลับ
บวกกับมีภาวะหลับลึก ทำให้การวัดผลอาจคลาดเคลื่อนได้
ครั้งหน้าต้องพยายามให้หลับเอง จึงค่อยทำการทดสอบ
เพราะป้อนมีอาการแฟ้ยานอนหลับ คลอรัล ไฮเดรท ด้วย

Funarium โซนเด็กเล็ก เล็กเกินไปจริงๆ

วันนี้ วันที่ 14 ตุลาคม 2555 
หลังจากฟังผลการตรวจหูของป้อน
ปะป๊าตั้งใจพาป้อนไป funarium
ป้อนจะได้ไปเล่นสวนสนุก ให้มันส์สักวัน
ป้อนเข้าไปเล่นก็สนุกจริง
เพียงแต่ครั้งนี้ ความรู้สึกตื่นตา ตื่นใจ
ของปะป๊า และแม่นุ้ยดูจะแตกต่างจากครั้งแรกๆ ที่ได้มาที่นี่
เพราะโซนเด็กเ็ล็กเครื่องเล่นดี มีความปลอดภัย
แต่ของเล่นก็ยังคงเป็นชิ้นเดิมๆ 
ไม่มีอะไรใหม่หรือเพิ่มเติมจาก 2 ปีที่แล้ว
ค่าเข้าเด็กเล็ก 180 บาท รวมผู้ใหญ่ 2 คน คนละ 90 บาท 
รวมเป็น 360 บาทสำหรับการใช้บริการ 3 ชั่วโมงเต็มที่
ป้อนเล่นไป 1 ชั่วโมงเศษ ก็เต็มอิ่มแล้ว
เพราะเล่นได้เฉพาะโซนเด็กเล็ก
ซึ่งพื้นที่ก็เล็กจริงๆ  เพราะนอกจากเด็กแล้ว
ก็ยังต้องมีผู้ใหญ่อีก ไหนจะพี่ของเด็กอีก 
ซึ่งตามหลักแล้ว เด็กโตไม่ความเข้ามาโซนนี้
เพราะอาจชนเด็กเล็กได้
วันนี้ มีเด็กเล่นประมาณ 10 คน 
ผู้ใหญ่บวกเด็กโตอีก ราว 20 คน
โซนเล็กๆ มีคนเข้าไปราว 30 คน 
คิดว่า funarium ไม่เหมาะกับเด็กเล็กอีกต่อไป
ครั้นจะพาปั้นมาเล่นโซนเด็กโต
ปั้นก็ไม่ไวพอที่จะเล่นอีก
สงสัยสถานที่เหมาะที่สุดสำหรับปั้น
น่าจะเป็นสมอลล์แลนด์ ที่ IKEA 
เพราะที่นั้น ไม่อนุญาตให้ผู้ใหญ่เข้าไปยุ่งเลย
เป็นโลกใบเล็กของเด็กจริงๆ

 




Thursday, October 11, 2012

I just turn four.


ปั้นอายุครบ 4 ขวบแล้ว
วันที่ 11 ตุลาคม 2555
ปีนี้ไปจัดงานที่บ้านสวน
เพราะปั้นไปค้างบ้านสวนกับคุณตาคุณยาย
ปั้นได้รับของขวัญวันเกิดตั้งหลายชิ้น
วันนี้ปั้นเป็นเด็กดี ตื่นแต่เช้ามืด
มาใส่บาตรหน้าบ้านแต่เช้า
และที่สำคัญ ไม่ค่อยดื้อด้วย




ตัดเค้กวันเกิด



รับของขวัญวันเกิด





สุดสวยของน้องป้อน
ขอเล่นด้วยคนสิ
ได้เวลาหม่ำเค้กไอติมแล้ว
 













Monday, October 8, 2012

ปั้น 4 ขวบ มัดผมเองได้แล้ว

วันที่ 8 ตุลาคม 2555  
อีก 3 วันปั้นกำลังจะอายุครบ 4 ขวบเต็ม
ปั้นมัดผมเองได้แล้วค่ะ





ป้อน 1 ขวบ 7 เดือน ตรวจการได้ยินเด็กเล็ก

สืบเนื่องจากการผ่าตัดซิสต์ที่คอ
เมือ 18 เมษายนที่ผ่านมา
และได้รับคำแนะนำจากหมอทางพัทธุศาสตร์ว่า
ให้ลองตรวจการได้ยิน  (hearing screening test)
และทำอัลตร้าซาวน์ไตดู (Renal ultrasound)
ป้อนจึงมาทำการตรวจวัดการได้ยินเสียงก่อน
เมื่อวาน วันที่ 7 ตุลาคม 2555 ที่คลินิกหู คอ จมูก รพ.จุฬาฯ

การตรวจการได้ยินในเด็กเล็ก
มีวิธีการตรวจได้หลายอย่าง แบ่งเป็นการตรวจการได้ยินแบบธรรมดา 
เช่น การทำเสียงดัง และ ดูปฏิกิริยาตอบสนองของเด็ก 
แต่เด็กบางคนอาจจะฉลาด แม้ไม่ได้ยินก็จะใช้ทักษะทางสายตา 
มองดูท่าทางของผู้ตรวจ และทำท่ายิ้มหรือหันไปตามนั้นได้ 
สำหรับป้อนใช้วิธีการตรวจที่ซับซ้อนขึ้น เพื่อตัดปัญหาตัวแปรนี้
ได้แก่ การตรวจพิเศษ ที่เรียกว่า การตรวจการได้ยินระดับก้านสมอง 
Auditory Brainstem Response test (ABR) 
จะคล้ายกับการตรวจคลื่นสมอง แต่หลักการง่ายกว่า
เพราะดูแค่ลักษณะของคลื่นสมองที่เกิดจากากรกระตุ้นของเสียง
และดูการตอบสนอง (response) จากหูไปยังก้านสมองเท่านั้น
ซึ่งมักจะ ทำในเด็ก หรือ ผู้ที่ไม่ให้ความร่วมมือในการตรวจแบบปกติ
โดยวิธีการจะใช้ขั้วไฟฟ้าเล็กๆ วางแปะอยู่ที่หนังศีรษะ และหลังหู
เพื่ออ่านประจุไฟฟ้าของคลื่นไฟฟ้าในสมองที่เกิดขึ้น 
ตอบสนองต่อเสียงระดับต่างๆ ที่ใช้ 
ในการทำการตรวจวิธีนี้ ต้องทำตอนที่เด็กหลับ 
หรือ ให้ยารับประทานเพื่อให้หลับ (ไม่ใช่การดมยาสลบ) 
เพื่อให้การตรวจได้ผลแม่นยำขึ้น
ห้องทดสอบ ABR























ลักษณะตัวอย่าง ABR ซึ่งแสดง การตอบสนองในระดับต่าง ๆของสมอง
wave   Ι      cochlear neave
wave  Ш    cochlear nucheus
wave Ⅴ     lateral lemniscus to inferior colliculus


















นอกจากนี้ป้อนยังได้รับการตรวจด้วยวิธี acoustic impedance
ด้วยเครื่องตรวจคัดกรองสมรรถภาพหูชั้นกลาง
เพียงวางอุปกรณ์ใส่หูให้ถูกตำแหน่งและแนบสนิทกับช่องหู
เครื่องจะทำงานโดยอัตโนมัติ ใช้เวลา 3 วินาทีต่อการประมวลผลแต่ละครั้ง
เครื่องแสดงผลการกระตุกอัตโนติของกล้ามเนื้อหูชั้นกลาง (Acoustic Reflex) 
เป็นกราฟผ่านหน้าจอแอลซีดีและสั่งพิมพ์ได้ทันที
หมอนัดฟังผลการตรวจการได้ยิน อาทิตย์หน้า

การตรวจการได้ยินไม่มีปัญหาแต่กลับมีปัญหาจากการกินยานอนหลับ
ป้อนได้รับยาคลอรัล ไฮเดรต (chloral hydrate)
เป็นยานอนหลับกล่อมเด็ก ซึ่งก็ไม่น่าจะเกินขนาด
แต่อาจเป็นเพราะป้อนคงมีความไวต่อยาตัวนี้ แต่ไม่ถึงขนาดแพ้ยา
คือหลังการตรวจการได้ยินเสร็จแล้ว ป้อนมีภาวะการหายใจผิดปกติ
คือหายใจแรง หน้าอกยุบเป็นจังหวะตามการหายใจเข้า
จึงจำเป็นต้องเฝ้าสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด ด้วยการให้ออกซิเจน
และดูดสิ่งแปลกปลอมที่อาจอุดช่องทางเดินหายใจ
สุดท้ายก็ต้องส่งต่อไปยังห้องฉุกเฉินเพื่อดูอาการต่อไป
ป้อนหลับไปประมาณ 3 ชั่วโมง ตื่นขึ้นมาพร้อมอาการเมายานอนหลับ
นั่งและยืนเองไม่ได้ มีอาการเซและหัวทิ่มตลอด
จนกระทั่งพากลับบ้านและหลับไปอีกครั้งตอน 6 โมงครึ่ง