เด็กนอนกรน ที่มีภาวะอุดกั้นทางเดินหายใจส่วนต้นขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea)
สามารถพบได้ในเด็กทุกวัย แต่จะได้บ่อยในเด็กช่วงอายุ 2 -6 ปี
ถ้าไม่รักษาจะทำให้เด็กมีภาวะขาดออกซิเจนขณะหลับ
ซึ่งอาจทำให้มีสติปัญญาถดถอย สมาธิสั้น หัวใจโต
หรือขั้นรุนแรงอาจเสียชีวิตอย่างกะทันหันได้
สาเหตุ
ส่วนใหญ่มักเกิดจากต่อมทอนซิลที่อยู่ข้างโคนลิ้น
และต่อมอดีนอยด์ที่อยู่หลังจมูก มีขนาดโตเบียดบังทางเดินหายใจส่วนต้น
ร่วมกับการคลายตัวของกล้ามเนื้อคอส่วนต้นขณะหลับ
ทำให้ทางเดินหายใจตีบแคบ
นอกจากนี้อาจเกิดจากการที่เด็กอ้วนเกินไป ทำให้มีไขมันสะสมที่บริเวณคอเพิ่มขึ้น
หรือพบในเด็กที่มีลักษณะโครงหน้า คาง ลิ้น และคอผิดปกติ
ทำให้ลักษณะทางเดินหายใจส่วนต้นแคบกว่าปกติ
เด็กมักจะนอนกรนร่วมกับมีอาการหายใจลำบากขณะนอนหลับ
ตรงข้ามกับขณะตื่นที่หายใจได้ปกติดี
อาการหายใจลำบากสังเกตได้จากการที่เด็กหายใจแรงและใช้กล้ามเนื้อหายใจมากกว่าปกติ
ขณะที่หายใจเข้าหน้าอกยุบลงแต่ท้องป่องขึ้น
บางคนมีอาการกระสับกระส่ายเหมือนหายใจไม่เข้า
นอนในท่าแปลก ๆ อ้าปากหายใจ
ปากซีดเขียว เสียงกรนขาดหายเป็น ช่วง ๆ ทั้ง ๆ ที่เด็กกำลังหายใจอยู่
ปัสสาวะราดรดที่นอน
พ่อแม่บางรายกลัวลูกหายใจไม่เข้า ถึงกับต้องนั่งเฝ้าคอยขยับตัวลูก หรือเขย่าปลุกให้ลูกตื่น
ตอนกลางวันเด็กอาจซุกซน ไม่อยู่นิ่ง มี สมาธิสั้น หรือผล็อยหลับบ่อย ๆ
การรักษา
ถ้ามีอาการมากรักษาได้โดยผ่าตัดเอาต่อมทอนซิล (Tonsil) และอะดินอยด์ (Adenoid) ออก
ถ้าอาการไม่มาก (กรนโดยไม่มีอาการหายใจลำบาก) อาจรักษาโดยการใช้ยา และติดตามผล
รักษาโรคติดเชื้อและโรคภูมิแพ้
งดยาที่ทำให้ภาวะนี้เป็นมากขึ้น ได้แก่ ยาลดน้ำมูก ยานอนหลับ
บางรายที่เป็นไม่มากนักอาจจับเด็กนอนคว่ำหรือนอนตะแคง อาจทำให้อาการดีขึ้นได้บ้าง
ถ้าเด็กอ้วนต้องลดน้ำหนัก
ถ้าแก้ไขทุกอย่างแล้วไม่ดีขึ้นต้องใส่เครื่องช่วยหายใจเวลานอนหรือ CPAP
ผ่านหน้ากากที่ครอบบนจมูกของเด็กขณะนอนหลับ
เครื่องช่วยหายใจนี้จะมีความดันบวกตลอดเวลา ทำให้ทางเดินหายใจของเด็กเปิดโล่งขึ้น
ข้อมูลส่วนนี้ปรับปรุงมาจาก.... โครงการส่งเสริมฟื้นฟูสมรรถภาพปอดเด็ก
หน่วยโรคระบบหายใจเด็ก คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
ถึงแม้ว่าต่อมทอนซิลและต่อมอะดินอยด์
จะเป็นส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
แต่จากการศึกษาวิจัย พบว่าระดับ
ภูมิคุ้มกันไม่ได้ลดลง ในผู้ป่วยที่ถูกตัดต่อมทอนซิลออก
อัตราการเกิดโรคติดเชื้อต่างๆ ไม่แตกต่างจากคนปกติ
ทั้งนี้เพราะยังมีระบบภูมิคุ้มกันอีกมากมาย
จะเป็นส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
แต่จากการศึกษาวิจัย พบว่าระดับ
ภูมิคุ้มกันไม่ได้ลดลง ในผู้ป่วยที่ถูกตัดต่อมทอนซิลออก
อัตราการเกิดโรคติดเชื้อต่างๆ ไม่แตกต่างจากคนปกติ
ทั้งนี้เพราะยังมีระบบภูมิคุ้มกันอีกมากมาย
การศึกษาในปัจจุบันพบว่า หน้าที่ในการป้องกันการติด
เชื้อของต่อมทอนซิลและต่อมอะดินอยด์
ลดลงภายหลังเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไป
และยังพบว่าความสามารถ ของการกำจัดเชื้อ
โดยเม็ดเลือดขาวในการเก็บกินเชื้อโรคเพิ่มขึ้น
ภายหลังการผ่าตัดต่อมทอนซิลและต่อมอะดินอยด์
ในผู้ป่วยที่มีต่อมทอนซิลและต่อมอะดินอยด์อักเสบชนิดเรื้อรัง
แพทย์จึงมักแนะนำให้ผู้ป่วยที่มีต่อมทอนซิล
หรือต่อมอะดินอยด์อักเสบเรื้อรังและมีขนาดโต
จนทำให้เกิดอาการนอนกรนหรือหยุดหายใจ
รับการผ่าตัดเอาต่อมออก
เชื้อของต่อมทอนซิลและต่อมอะดินอยด์
ลดลงภายหลังเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไป
และยังพบว่าความสามารถ ของการกำจัดเชื้อ
โดยเม็ดเลือดขาวในการเก็บกินเชื้อโรคเพิ่มขึ้น
ภายหลังการผ่าตัดต่อมทอนซิลและต่อมอะดินอยด์
ในผู้ป่วยที่มีต่อมทอนซิลและต่อมอะดินอยด์อักเสบชนิดเรื้อรัง
แพทย์จึงมักแนะนำให้ผู้ป่วยที่มีต่อมทอนซิล
หรือต่อมอะดินอยด์อักเสบเรื้อรังและมีขนาดโต
จนทำให้เกิดอาการนอนกรนหรือหยุดหายใจ
รับการผ่าตัดเอาต่อมออก
ข้อมูลจาก คลินิกรักษาโรคนอนกรน รพ.จุฬาลงกรณ์