เห็นแม่นุ้ยตั้งใจเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมตัวเอง
ก็ต้องยกให้วันนี้ เป็นวันแม่นุ้ย
เพราะความตั้งใจที่จะเลี้ยงน้องปั้น และน้องป้อน
ด้วยน้ำนมตัวเอง ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
เหมือนง่าย แต่ไม่ง่าย
หลายคนคิดว่า เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมตัวเอง
ไม่เห็นจะมีอะไรยากเลย ก็แค่นมแม่
ผมว่าคุณแม่ประมาณ 99 เปอร์เซ็นต์ ตั้งใจเช่นนั้น
แต่ผลสุดท้าย ต้องปลี่ยนใจ ยอมแพ้ และล้มเลิกความตั้งใจไป
สาเหตุมาจาก ข้อจำกัดหลายๆประการ
เช่นคุณแม่ต้องทำงาน ร่างกายไม่พร้อม
หรือขาดการเตรียมตัวตั้งแต่แรก
อย่างแม่นุ้ยตั้งใจลางานตามปกติ
และลาแบบไม่รับเงินเดือนต่ออีก
เพื่องานนี้ รวมกันแล้วเกือบ 1 ปี เต็ม สำหรับลูกคนที่สอง
ส่วนคนแรกน้องปั้นลางานรวมกันประมาณ 7 เดือน
แต่ปั๊มนมและเก็บนมแช่แข็งให้น้องปั้นดื่มต่อไปอีก
จนได้อายุประมาณ 11 เดือน
การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ไม่ง่าย
เพราะต้องตื่นขึ้นมาดึกๆ เพื่อให้นมลูก
รวมทั้งให้นมตอนกลางวัน แบบตลอดทั้งวันอีกต่างหาก
เพื่อเป็นการกระตุ้นเพื่อให้มีการผลิตน้ำนมตลอดเวลา
บางครั้งก็เจอปัญหาหัวนมแตกบ้าง ลูกกัดหัวนมบ้าง
น้ำนมพุ่งแรง จนลูกดื่มไม่ทัน สบัดหน้าหนีบ้าง
แต่ก็ยังพยายามและตั้งใจเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมตัวเองต่อไป
ในปัจจุบัน โฆษณานมสำหรับเด็กมีมากและมักจะสื่อออกมาว่า
เมื่อดื่มมากๆแล้วจะทำให้ลูกฉลาด
โดยมักใช้แม่ที่เป้นดารามาเป็นพรีเซ็นเตอร์กัน
คนดูไม่รู้ ก็เลยหลงเชื่อตามนั้นไป
แต่ความเป็นจริงเด็กที่กินนมผงมากเกินไป
จะทำให้ระดับไอคิวน้อยกว่าเด็กที่ดื่มนมแม่ 2-11 จุด
ป่วยบ่อย เนื่องจากไม่ได้รับภูมิคุ้มกันที่มีมากในนมแม่
นอกจากนี้ผู้ผลิตนมยังหากลยุทธใหม่ๆ
เช่นการแจกนมตัวอย่างในโรงพยาบาล
ในชุมชนเทศบาล หรือผ่าน อสม. เป็นต้น
แม่ในชนบทส่วนใหญ่มีโอกาสเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
แต่กลับคิดว่านมผงมีประโยชน์มากกว่า
เลยให้ลูกกินนมผงดีกว่า
นอกจากนี้บริษัทนมผงยังใช้กลยุทธเข้าไปในโรงงาน
ในลักษณะให้ความรู้เรื่องนมแม่
ว่าดีที่สุด มีสารอาหารที่มีประโยชน์นานาชนิด
ชื่อนั้นชื่อนี้ ซึ่งในนมผงก็มีเช่นกัน
และสุดท้ายก็แจกชุดของขวัญ
ที่เป็นกระเป๋าและมีนมผงให้ไปทดลองดื่มกันอีก
ปัจจุบันมูลค่าตลาดนมมีรายได้ปีละ 1 หมื่นล้านบาท
เด็กเกิดใหม่ปีละประมาณ 8 แสนคน
แต่มีเพียง 5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ที่ดื่มนมแม่ 6 เดือนขึ้นไป
วันนี้เลยต้องยกให้ แม่นุ้ย 1 วัน
ข้อมูลบางส่วน ได้มาจากบทความ "หมายเหตุประชาชน"
ใน นสพ.เดลินิวส์ ฉบับวันพฤหัสบดีที่ 21 กรกฎาคม 2554 หน้า 8 ครับ
No comments:
Post a Comment