หากเป็นรถขับเคลื่อน 4 ล้อ ก็ควรสลับยางทุก 4000 กิโลเมตร
แต่จะสลับอย่างไร ต้องขึ้นอยู่กับดอกยางครับ
เพราะยางรถยนต์มีลวดลายดอกยางที่แตกต่างกัน
เพื่อให้ประสิทธิภาพตามวัตถุประสงค์ของยาง
ดังนั้นเราจึงควรที่จะรู้ว่ายางที่เราใช้เป็นแบบไหน
เวลาจะสลับยางจะได้ช่วงช่างดูว่าควรจะสลับยังไง
เพราะเห็นมานักต่อนักแล้วว่า ช่าง (เถอะ) ก็ชุ่ย
หรือมั่วได้เหมือนกันครับ
1) ดอกยางแบบ 2 ทิศทาง
เป็นลักษณะของลายดอกยางที่จะสามารถสลับยางได้ในทุกตำแหน่งล้อ
ลักษณะดอกยางทั้ง 2 ด้าน จะสวนทิศทางกัน
หากเป็นการขับขี่ทั่วไป ไม่เน้นความเร็วสูง
ดอกยางลักษณะนี้สามารถตอบสนองความต้องการได้อย่างดีเยี่ยม
2) ดอกยางทิศทางแบบทิศทางเดียว
ลายของดอกยางจะถูกบังคับให้หมุนไปในทิศทางเดียวเท่านั้น
โดยมีลูกศรบอกทิศทางการหมุนอยู่ที่แก้มยางทั้ง 2 ด้าน
(และเขียนกำกับว่า Rotation)
ดังนั้น การสลับยางจะสลับได้เพียงด้านเดียวเท่านั้น
เช่น สลับด้านหน้าขวากับหลังขวา หรือด้านหน้าซ้ายกับหลังซ้าย
ยกเว้นจะถอดตัวยางออกจากกระทะล้อเดิม
ไปใส่กับกระทะล้อฝั่งตรงกันข้าม
แต่ต้องจัดวางทิศทางการหมุนของดอกยางให้ถูกต้องเช่นเดิม
ไม่อย่างงั้นจะทำให้ทิศทางการหมุนของยาง
เปลี่ยนกลับทิศทาง ทำให้ประสิทธิภาพของยางลดลง
จุดเด่นของดอกยางแบบทิศทางเดียว คือ
สามารถรีดน้ำออกจากหน้ายางได้รวดเร็วกว่าแบบ 2 ทิศทาง
ป้องกันอาการเหินน้ำ (Hydroplaning)
ซึ่งจะทำให้ควบคุมรถได้ลำบาก
และเกิดอาการลื่นไถลได้
หลังจากสลับยางแล้ว ให้ช่างถ่วงล้อด้วยก็ดี
อย่างน้อยให้ถ่วงล้อคู่หน้าก็น่าจะโอเคครับ
อีกอย่างครับ ถ้าจะเอายางอะไหล่
ที่มีขนาดเท่ากับยางที่ใช้ทั้ง 4 เส้นมาสลับใช้ด้วย
ให้ใส่ยางอะไหล่ที่ตำแหน่งล้อหน้าซ้ายครับ
เพราะถนนเมืองไทยจะเอียงเข้าหาขอบถนนทางด้านซ้ายเสมอ
แล้วก็เอายางหลังซ้ายถอดเก็บเป็นยางอะไหล่แทน
อีกอย่างครับ ถ้าจะเอายางอะไหล่
ที่มีขนาดเท่ากับยางที่ใช้ทั้ง 4 เส้นมาสลับใช้ด้วย
ให้ใส่ยางอะไหล่ที่ตำแหน่งล้อหน้าซ้ายครับ
เพราะถนนเมืองไทยจะเอียงเข้าหาขอบถนนทางด้านซ้ายเสมอ
แล้วก็เอายางหลังซ้ายถอดเก็บเป็นยางอะไหล่แทน
No comments:
Post a Comment