Search NuiPik Blog ลองใส่คำดูสิค่ะ

Tuesday, July 24, 2012

ถึงคิว ปะป๊า ทำผ่าตัดผนังกั้นจมูก

ที่ต้องทำผ่าตัดครั้งนี้ ก็เนื่องมาจาก พี่ปิ๊ก กับปั้น นอนกรน
เลยพากันมาหาคุณหมอ ประกอบเกียรติ ที่ รพ.จุฬา
ปั้นได้ทำผ่าตัดก่อน แต่ต้องไปทำผ่าตัดที่ รพ. ตา หู คอ จมูก

ส่วนพี่ปิ๊ก รอคิวทำผ่าตัดที่ รพ.จุฬา 
สาเหตุที่ทำให้นอนกรนของพี่ปิ๊กคือ ข้างซ้ายโพรงจมูกบวม
ส่วนข้างขวาเกิดจากโครงสร้างโพรงจมูกคด รูจมูกตัน
ทำให้กรนเสียงดังมากกกกกก
หลังจากคุณหมอดูฟิล์ม X-Ray ก็แนะนำให้ทำผ่าตัด

24 กรกฎาคม 2555 ได้เวลาขึ้นเขียง 
3 โมงเย็นมาวางบัตรคิว  แต่ว่าได้ทำเป็นคนที่สองค่ะ
กว่าจะออกจากห้องผ่าตัดก็ราวๆ 5 โมงครึ่ง

ใส่ท่อ air way ที่รูจมูกทั้งสองข้าง (มีเลือดไหลตลอดเวลา)

พักฟื้นหลังออกจากห้องผ่าตัด
 ล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ ข้างละ 200 ml. วันละ 4 เวลา 
ห้ามยกของหนัก
ทานอาหารอ่อน
งด ทานของร้อน / อุ่น 
ทานของเย็นจะดีมาก ช่วยลดบวม และทำให้เลือดหยุด


1 วันหลังทำผ่าตัด ต้องแปะผ้าก็อตช์ ไว้ใต้จมูก เพราะมีเลือดไหลซึม
คุณหมอนัดถอดท่อ air way ออกวันเสาร์นี้ (28 ก.ค.) 

Wednesday, July 18, 2012

แยกแยะงูเหลือมหรืองูหลาม?

เมื่อคืนวาน มีลูกงูเข้าไปอยู่ในครัวหลังบ้าน
พี่อร (แม่บ้าน) เห็นก่อน เลยใช้ด้ามไม้กวาดตีตายเลย
แต่ก็ไม่แน่ใจว่า เป็นงูเหลือมหรืองูหลาม
เลยหาข้อมูลใน internet ดู เจอเว็บดีมากๆ ที่บอกรายละเอียด
และมีภาพประกอบชัดเจน เลยข้อลอกข้อลูกมาใส่ไว้ข้างล่างนี้
เมื่อเดือนก่อน ได้ยินหมาเข้ากลางดึก เลยใช้ไปฉายส่องดู
เจองูเหลือมยาวราว 2 เมตรครึ่ง เลื้อยในสนามหญ้า
ผ่านไปทางศาลาแล้วก็หายไปในความมืด  
ซึ่งน่าจะเป็นญาติๆ กับตัวที่มาจับกินลูกเป็ดของน้องปั้นเมื่อปีก่อน  หมด 4 ตัวเลย
ภายในบริเวณบ้าน น่าจะมีอีกเป็นครอก  เพราะตัวที่ตายยังเล็กมากๆ
ไว้หมดหน้าฝน ต้องจัดการกองเศษไม้หลังสวนให้เรียบร้อยซะที

ลูกงูเหลือม
ลำตัวเหลืองมีเกล็ดดำเป็นวงๆ  คือ งูเหลือม
ป้อนไม่รู้จัก เลยไม่กลัว
พี่อร มือสังหาร

อ้างอิงข้อมูลมาจากเว็บด้านล่างนี้

หลายคนคงรู้จักชื่องูเหลือมและงูหลามเป็นอย่างดี แต่หลายครั้ง หลายคนยังจำสับสนกันระหว่างงูสองชนิดนี้ งูทั้งสองชนิดเป็นงูโบราณครับ ดูได้จากปอดข้างซ้ายที่ยังหลงเหลืออยู่ 30-80% ของปอดทางขวา แต่ในงูพัฒนาแล้วจะมีแต่ปอดข้างขวาและยาวไปตามลำตัว และอีกอย่าง มันยังเหลือร่องรอยระยางค์หลังอยู่นิดหน่อยให้นักวิทยาศาสตร์ได้ตามสืบเสาะว่าบรรพบุรุษมันก็มีสี่ขานะ พวกมันอยู่ในวงศ์ Pythonidae ในเมืองไทยพบอยู่ 3 ชนิดคือ 


  1. งูเหลือม (reticulated python, Python reticulatus ) เป็นงูเหลือมที่ใหญ่ที่สุดในโลก เกล็ดลำตัวสีเหลืองหรือสีเหลืองปนน้ำตาล มีลวดลายเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวคือ มีเกล็ดสีดำเรียงตัวกันเป็นแถวซิกแซกเป็นวงค่อนข้างมีระเบียบ ภายในเกล็ดสีดำมีเกล็ดสีเหลืองเป็นขอบในและมีเกล็ดสีเหลืองบนเทาอยู่ภายในอีกที เกล็ดใต้ท้องมีสีครีมหรือเหลืองอ่อน บริเวณหัวมีสีเหลืองปนน้ำตาล มีเส้นสีดำเล็กพาดผ่านกลางหัว ชอบอาศัยในที่ชื้น พบได้ทั่วทุกภาคของประเทศ

  2. งูหลาม (rock python, Burmese python, Python molurus bivittatus ) รูปร่างอ้วนหนา ลำตัวสั้นกว่างูเหลือม ลำตัวมีสีเหลืองหรือสีเหลืองน้ำตาล และมีแถบสีน้ำตาลเข้มขนาดใหญ่รูปร่างเป็นเหลี่ยมไม่แน่นอน เกล็ดท้องมีสีขาวหรือครีม บนหัวมีลวดลายสีน้ำตาลเข้มรูปลูกศร นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้ม พบได้ทุกภาคยกเว้นภาคใต้


    งูหลาม (1) และงูหลามทอง (2)
  3. งูหลามปากเป็ด (blood python, Python curtus brongersmai ) เป็นสมาชิกที่เล็กที่สุดของวงศ์งูเหลือที่พบในประเทศไทย มีหัวค่อนข้างเล็กเมื่อเทียบกับขนาดลำตัว รูปร่างสั้นและหนากว่างูชนิดอื่น พื้นลำตัวสีน้ำตาลอมส้มหรือสีแดงคล้ำ สีจะเข้มสุดด้านบนของลำตัว ด้านบนลำตัวมีแถบสีน้ำตาล เหลือง หรือน้ำตาล สั้นบ้างยาวบ้างกระจายไปตามแนวสันหลัง ด้านข้างมีเกล็ดสีขาวหรือสีครีมเรียงเป็นเส้นซิกแซกไม่เป็นระเบียบ ส่วนหัวมีสีน้ำตาลจนถึงน้ำตาลเข้ม มักพบงูชนิดในน้ำ โดยอยู่ตามโคลนหรือพืชน้ำ พบได้เฉพาะภาคใต้เท่านั้น










คราวนี้มาดูความแตกต่างของงูเหลือมและงูหลามกันครับ 

  • ลายที่หัว ในงูหลามจะมีลายสีน้ำตาลเข้มคลายลูกศร แต่ในงูเหลือมจะมีเส้นสีดำเล็กพาดผ่านกลางหัว

     
    หัวงูเหลือม (1) จะมีเส้นสีดำพาดผ่านตรงกลาง ส่วนงูหลาม (2) และงูหลามทอง (3) จะมีลายบนหัวคล้ายกับลูกศร
  • ลายบนลำตัว ในงูเหลือมจะมีเกล็ดสีต่างๆ จำนวนมาก โดยส่วนใหญ่มีสีน้ำตาลหรือเหลือง มีเกล็ดสีดำต่อเป็นเส้นๆ เป็นรูปวงกลม ทำให้เห็นเป็นลายสีอ่อนอยู่ด้านในขอบสีเข้ม บริเวณลายสีดำจะมีเกล็ดสีขาวแทรกอยู่เป็นจุดๆ โดยเฉพาะด้านข้างลำตัว ส่วนงูเหลือมจะมีเกล็ดสีน้ำตาลเข้มเรียงต่อกันเป็นแถบใหญ่อยู่บนเกล็ดพื้นสีเหลืองทำให้เห็นว่ามีลายสีเข้มล้อมรอบด้วยขอบสีอ่อน


    ลายบนลำตัวงูเหลือม (1) จะแตกต่างจากงูหลาม (2)
  • ตา ตาของงูหลามจะมีสีน้ำตามเข้ม ส่วนงูเหลือมจะมีสีเหลืองหรือส้ม


    ตาของงูเหลือม (1) จะมีสีเหลืองหรือส้ม ส่วนตาของงูหลามจะสีน้ำตาลเข้ม (2) และในงูหลามทองตาจะมีสีแดง (3)
  • นิสัยใจคอ งูเหลือมดุกว่างูหลาม

Tuesday, July 10, 2012

ปั้น ป้อน รักพระเจ้าอยู่หัว

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา วันที่ 7 ก.ค. 2555
น้องปั้นและน้องป้อน ได้มีโอกาสเฝ้ารับเสร็จ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ท่าน้ำการไฟฟ้านครหลวงเขตสามเสน
ซึ่งพระองค์ทรงเสด็จทางชลมารค แม่น้ำเจ้าพระยา 
จากท่าน้ำ รพ.ศิริราช ไปยังเกาะเกร็ด นนทบรี
และวนกลับมายังท่าน้ำกรมชลประทาน ซึ่งอยู่ติดกับท่าน้ำ กฟน. สามเสน
เพื่อทรงประกอบพิธีเปิดเขื่อนและโครงการชลประทาน 5 แห่ง
น้องปั้นตื่นเต้นและตั้งใจที่ไปเฝ้ารับเสด็จจริงๆ
เพราะน้องปั้นเห็นในหลวงจากสื่อต่างๆ มากมาย ตั้งแต่เล็กๆ
เห็นครั้งใด ก็จะต้องยกมือขึ้นไหว้ทุกครั้งไป
พวกเรารออยู่ที่บ้านบางพลัดตั้งแต่เที่ยงจนได้เวลาบ่าย 3 โมงกว่าๆ
จึงได้เดินทางไป รวมทั้งหมด 7 คน 
มี ปะป๊า แม่นุ้ย ปั้น ป้อน คุณยาย น้าตั๋ง และยายยุ



นั่งรอเวลาเสด็จ


เรื่อพระที่นั่งใกล้จะมาแล้ว
  

เรือพระที่นั่งแล่นผ่านมาแล้ว  ทรงพระเจริญ

Tuesday, July 3, 2012

เมื่อปั้น 3 ขวบ ผ่าตัดทอนซิล@รพ.ตา หู คอ จมูก

แม่นุ้ยกับปะป๊าพาปั้นไปหาคุณหมอประกอบเกียรติ หิรัญวิวัฒน์กุล
ที่ รพ.ตา หู คอ จมูก เมื่อวันเสาร์ที่ 30 มิ.ย. 2555
เพื่อจะนัดวันผ่าตัดเอาต่อมทอนซิลและต่อมอะดินอยด์ที่โตออก  
น้องปั้นมีต่อมอะดีนอยด์โตกว่าเด็กปกติ 4 เท่า
ทำให้ช่องทางเดินหายใจตีบ
เวลานอนหลับจะกรนเสียงดังมาก
มีอาการกัดฟันร่วมด้วย  กัดฟันที เสียงดังน่ากลัวมาก
ซึ่งปั้นจะเป็นมาตั้งแต่อายุน้อยๆ  ยังไม่ครบ 1 ขวบดีเลย
รวมทั้งเวลานอนหลับจะดิ้นไปทั่วที่นอน
นอนด้วยท่าแปลกๆ ยกแข้งยกขาตัวอ่อนเหมือนนักยิมนาสติกลีลา
นอนอ้าปาก  และบางครั้งจะมีอาการหายใจลำบาก

พอได้เข้าห้องตรวจ ดูฟิล์ม X-Ray อีกที
คุณหมอก็ถามว่าจะผ่าวันไหน  วันนี้ก็ผ่าให้ได้
ก็เป็นอันว่า ผ่าวันนี้ทันที เลย Admit เตรียมตัวผ่าเลย
ต้องงดน้ำ งดอาหารทันที เป็นเวลา 6 ชั่วโมง
เพราะต้องดมยาสลบด้วย
ปั้นต้องไปตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะก่อน


หลังจากนั้น ก็ไปรอที่ห้องพัก จนกว่าจะถึงเวลา
ยังต้องรออีก 3-4 ชั่วโมง แนะ
ช่วงนี้ ปั้นก็หิวน้ำ หิวข้าว ก็ต้องคอยหลอกล่อ
เพราะหมอสั่งห้ามทาน มิฉะนั้นจะอันตราย

ห้องเดี่ยว
ที่นอนเสริม
รอเวลา
ซื้อหนังสือมาฆ่าเวลา เพราะปั้นหิวมาก
พอราวๆ 6 โมงครึ่ง ปั้นเพิ่งงีบหลับไปได้ 5 นาที
ผู้ช่วยก็มาเรียกว่า ได้เวลาเข้าห้องผ่าตัด
ปั้นก็เริ่มงอแง เพราะรู้แล้วว่า จะต้องไปผ่าตัด
แต่ในที่สุด ก็ยอมเปลี่ยนชุดและไปแต่โดยดี




แปลงร่าง เตรียมตัวเข้าห้องผ่าตัด

ชิ้นเนื้อของต่อมทอนซิลที่ตัดออกมาจากคอปั้นค่ะ ขนาดใหญ่เท่ากับผลมะยม  
มีประมาณ 6-7 ชิ้น (คุณหมอบอกว่าทอนซิลโต  มว้ากกกกกก!)
ปั้นเริ่มผ่าตัดประมาณทุ่มเศษ ใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 40 นาที
หลังจากหมดฤทธิ์ยาสลบ ปั้นร้องไห้ดังมากๆ  
ดังออกมาด้านนอกห้องผ่าตัดเลย คงจะเจ็บแผลผ่าตัดนั่นเอง  
กว่าจะเงียบได้ ก็ต้องใช้เวลาราว 30-40 นาที
หลังจากผ่าตัดใหม่ๆ หมอสั่งห้ามร้อง ห้ามพูด ห้ามไอ
ให้กินน้ำแข็ง กินน้ำเยอะๆ กินไอศกรีม  แผลจะได้หายไวๆ
ต้องกินอย่างนี้ 3-5 วัน  รวมทั้งกินยาร่วมด้วย
หมอให้นอนที่ รพ. 1 คืน และกลับไปพักฟื้นที่บ้านต่ออีก
หมอให้หยุดเรียน 10 วัน แล้วนัดดูแผลอีกที อาทิตย์หน้า

หลังผ่าตัด กลับมาพักที่ห้อง
น้องปั้นเก่งมาก


4 กรกฎาคม 2555--แวะมา update อาการปั้นค่ะ
น้องปั้นออกจากโรงพยาบาล เมื่อวันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม 2555 ก็กลับบ้านค่ะ
ไม่พูดไม่จา ไม่ยอมทานอะไรเลย อยู่ 2 วันเต็มๆ คงจะระบมที่แผลผ่าตัด
หิว ก็ หิว แต่ก็อึด คงจะกลืนลำบากมาก เลยไม่ยอมทานอะไร (แม่แอบกังวลมากๆ)
แม้กระทั่งยาที่คุณหมอสั่งมาให้ก็ไม่ทานเลย ที่นี้ก็ได้แต่เฝ้าระวังไม่ให้มีไข้
เพราะการมีไข้นั่นแปลว่าแผลอักเสบ นั่นเอง
แต่ทุกอย่างก็ดูจะไปได้สวยค่ะ..... ปั้นไม่มีไข้
เข้าวันที่ 3 ปั้นเริ่มอยากทานไอติมค่ะ
คุณหมอเน้นว่าให้เป็นไอติมล้วนๆ เช่นรสวนิลา  หรือรสนม ไม่ควรจะเป็นรส ช็อกโกแลต
เพราะหากเด็กเกิดอาเจียน จะได้เห็นชัดเจนว่ามีเลือดปนออกมารึเปล่า
วันที่ 3 นี้นอกจากจะทานไอติม ปั้นก็จิบน้ำได้เยอะขึ้น
พอตกเย็นเริ่มขอทานโจ๊กค่ะ (แม่เริ่มสบายใจ อิอิ)
คุณหมอก็แนะนำอีกว่า ควรให้เด็กทานอาหารเหลว หรืออาหารอ่อนๆ ไปซักระยะ
จะลดการเกิดการสำลัำก ซึ่งอาจจะทำให้แผลเลือดออกได้
แต่พอเข้าวันที่ 4 ปั้นจัดเต็มค่ะ... ทานน้ำทานไอติมทานโจ๊กได้เยอะมาก
เฮ่อ.... จะกู้น้ำหนักปั้นที่หายไปซะที

แต่ความต่าง ที่ดีขึ้นมากๆ คือ  ปั้นหลับเงียบมาก ไม่มีเสียงกรนดังเหมือนเคย
ดูท่าจะหลับสบายเพราะไม่ดิ้นไปดิ้นมา ไม่นอนอ้าปาก
โดยรวมถือว่าพฤติกรรมการนอนดีขึ้นมากถึงมากที่สุด ^-^

อยากฝากถึงคุณพ่อ คุณแม่ที่กำลังสับสน และหาข้อมูล หรือกลัว ไม่กล้าให้ลูกทำผ่าตัด
จากประสบการณ์ตรงส่วนตัวนะคะ.... ขอเน้นว่าประสบการณ์และความเชื่อส่วนตัว!!
คุณหมอเด็ก กับคุณหมอเฉพาะทาง ถึงแม้จะวินิจฉัยโรคได้ใกล้เคียง หรือเหมือนกัน
แต่ !! คำแนะนำในการรักษาโรค ค่อนข้างจะต่างกันค่ะ
เพราะเคสของปั้น คุณหมอเด็กก็เห็นว่าทอนซิลโต  แต่ก็แนะนำว่าให้รอดูซักพัก อาการอาจจะดีขึ้น
ถ้าเป็นหวัดบ่อย (เนื่องจากติดเพื่อนที่โรงเรียน) ก็ให้ทานยาตามอาการ
ส่วนคุณหมอเฉพาะทาง (ด้าน หู ตา คอ จมูก) ให้ปั้นทำ x-ray
พอเห็นฟิล์ม x-ray ก็ฟันธงทันทีค่ะ ว่าการทำผ่าตัด จะทำให้อาการปั้นดีขึ้น 99%
ซึ่งตัวแม่เอง ก็ทำผ่าตัดทอนซิลและอะดินอยด์โต ที่รพ.ศิริราช ตั้งแต่อนุบาลเหมือนกันค่ะ
ทั้งๆที่ คุณหมอเด็กประจำตัวก็ไม่แนะนำให้ทำ  แต่คุณหมอเฉพาะทาง ที่ศิริราชก็ฟันธงว่าควรทำ

หรืออย่างเคส "ป้อน" ลูกชายคนเล็ก (ตอนนี้ 1.4 ขวบ)
ที่เป็นก้อนซีสต์ที่คอตั้งแต่เกิด
คุณหมอเด็กก็บอกว่า ไม่เป็นอันตราย  ไว้ตอนโตค่อยว่ากันว่าจะทำผ่าตัดหรือไม่
แต่คุณหมอศัลยกรรมเด็ก (นพ.ไพศาล เวชชพิพัฒน์) ก็ฟันธงว่าควรทำผ่าตัด
สุดท้าย ป้อนก็ทำผ่าตัดที่ รพ. จุฬา เมื่อเดือน เมษายน 2555 ที่ผ่านมาค่ะ
ตอนนี้ก็ร่าเริงแจ่มใส แข็งแรง ไม่ป่วยบ่อยเหมือนตอนมีซีสต์อยู่ที่คอ

อย่างน้อยหา second opinion หรือการรักษาอื่นซึ่งทางเลือกทางการแพทย์ สำหรับลูกก็ดีนะ
จะได้ตัดสินใจได้ว่าจะรักษาลูกด้วยวิธีไหน

น้องป้อนเยี่ยมบ้านตายายครั้งแรก

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา วันที่ 30 มิ.ย. 55
ห้องเรียนวันเสาร์ของน้องปั้น ที่ รร.รัศมี อินเตอร์ งด
เลยได้จังหวะ พาน้องปั้น ไปหาคุณหมอประกอบเกียรติ
ที่ รพ.ตาหูคอจมูก ใกล้ๆ บ้านคุณตาคุณยายที่บางพลัด
แต่งานนี้ ต้องพาน้องป้อนไปฝากคุณตาคุณยายเลี้ยงก่อน
เพราะจะพาไป รพ. ทั้งสองคนไม่ไหว
ดังนั้น น้องป้อนเลยได้ไปเยี่ยมบ้านคุณตาคุณยายที่บางพลัดเป็นครั้งแรก
งานนี้น้องป้อนตื่นตาตื่นใจมาก  กับสถานที่ใหม่ 
เหมือนได้เจอสวนสนุกสุดมันส์  ค้นซะทุกซอกทุกมุม
จนคุณตาหายคิดถึงไปเลย